เนื่องจากมีการใช้ตลับลูกปืนแบบเม็ดลูกกลิ้งกันอย่างแพร่หลายทั่วไป สมาคมผู้ผลิตตลับลูกปืน จึงได้วางมาตรฐานการกำหนดขนาดและหลักเกณฑ์ที่จะใช้ในการเลือกตลับลูกปืนเหล่านี้ขึ้น จากมาตรฐานนี้ทำให้ผู้ออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรสามารถเลือกตลับลูกปืนจากแค็ตตาล็อกของผู้ผลิตได้รายหนึ่ง และทำการเปลี่ยนตลับลูกปืนไปใช้งานตลับลูกปืนจากผู้ผลิตอีกรายหนึ่งได้ โดยที่ตลับลูกปืนที่เลือกจากผู้ผลิตทั้งสองยังคงมีขนาดเท่ากัน ถึงแม้ว่าสมาคมผู้ผลิตตลับลูกปืน ได้วางมาตรฐานวิธีการเลือกตลับลูกปืนตามความต้องการของการรับแรงและอายุใช้งานเอาไว้ แต่ก็ยังมีผู้ผลิตที่มีการวางมาตรฐานการเลือกตลับลูกปืนของตนเองแตกต่างออกไปจากของสมาคมผู้ผลิตตลับลูกปืน แต่อย่างไรก็ตามแค็ตตาล็อกของผู้ผลิตก็มีข้อมูลเพียงพอที่จะให้ทำเปลี่ยนใช้ตลับลูกปืนจากผู้ผลิต่างๆโดยการเทียบค่าของสมาคมผู้ผลิตตลับลูกปืนได้
ก่อนการตัดสินใจเลือกใช้ตลับลูกปืน ผู้ออกแบบก็ควรที่จะพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสีย เมื่อเปรียบเทียบกับตลับลูกปืนผิวสัมผัสแบบเลื่อนดังต่อไปนี้ คือ
1. มีความเสียดทานในขณะสตาร์ทน้อย จึงเหมาะสำหรับเครื่องจักรที่มีการเดินเครื่องหรือหยุดเครื่องบ่อยครั้ง ง่ายต่อการหล่อลื่นและดูแลรักษา โดยเฉพาะตลับลูกปืนที่ได้รับการบรรจุจารบีมาจากโรงงานผลิตแล้ว ที่เกือบไม่ต้องดูแลเกี่ยวกับการหล่อลื่นอีกเลย
2. ใช้ปริมาณสารหล่อลื่นน้อย
3. ใช้เนื้อที่ในแนวแกนน้อย (axial space)
4. สามารถรับแรงรุนและแรงในแนวรัศมีได้พร้อมกันยกเว้นตลับลูกปืนชนิดเม็ดทรงกระบอกตรงสำหรับเจอร์นัลแบริ่งรับแรงได้เฉพาะในแนวรัศมีเท่านั้น
5. สามารถที่จะทราบได้ว่าตลับลูกปืนกำลังจะเสียหาย โดยการสังเกตจากเสียงดัง ซึ่งผิดไปจากปกติ
6. สามารถผลิตให้มีช่องว่างภายในน้อยมาก จึงเหมาะที่จะใช้กับเครื่องจักรที่ต้องการความละเอียดแม่นยำในการทำงาน เช่น เฟืองและลูกเบี้ยว เป็นต้น
7. สามารถใช้รองรับเพลาในตำแหน่งใดๆได้ เช่น ใช้รองรับเพลาซึ่งวางเรียงเป็นมุมกับแนวระดับเป็นต้น
8. ทำการติดตั้งได้ง่าย
ข้อเสียของตลับลูกปืนแบบเม็ดลูกกลิ้งเปรียบเทียบกับเจอร์นัลแบริ่ง
1. ใช้เนื้อที่ทางด้านรัศมีมากกว่า
2. โดยปกติแล้วราคาแพงกว่า
3. ขณะทำงานจะมีเสียงดังกว่าเนื่องจากมีการสัมผัสระหว่างผิวของเม็ดลูกกลิ้งและรางวิ่ง
4. มีอายุการใช้งานสั้นกว่า ทั้งนี้เนื่องมาจากความเค้นที่เกิดขึ้นมีค่าสูงกระทำซ้ำกัน จึงทำให้เนื้อโลหะเกิดความล้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น